ยินดีต้อนรับสู่บ็อก

วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Assignment 3

ให้นักศึกษาเขียนระบบการสอนวิชาใดก็ได้ มา 1 วิชาในสาขาสังคมศึกษา 1 ระบบ ตามหลัก IPO .ในแต่ละองค์ประกอบให้นักศึกษาอธิบายรายละเอียดแต่ละองค์ประกอบนั้นๆมาด้วย


สงครามอาร์มาดา




                                      กองเรืออาร์มาดา เกิดขึ้นในยุคสมัยของพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน โดยเป็นกองเรือที่ถูกเรียกว่าแข็งแกร่งที่สุดเก่งที่สุด ถูกสร้างขึ้นเพื่อเตรียมบุกชิงราชบัลลังก์อังกฤษเนื่องจากพระเจ้าฟิลิปเปที่ 2 ผู้เป็นคริสเตียนนิกายโรมันคาทอลิก ทรงเห็นว่าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบทที่ 1 ผู้ปกครองอังกฤษในขณะนั้น ซึ่งพระนางทรงเป็นคริสเตียนนิกายโปรเตสแตนต์ ไม่คู่ควรกับราชบัลลังก์อังกฤษที่สมควรจะมีไว้สำหรับเชื้อพระวงศ์ที่เป็นโรมันคาทอลิกเท่านั้น แต่เหตุผลที่พระเจ้าฟิลิปเปนำมาอ้างก็คือโจรสลัดอังกฤษปล้นเรือสินค้าของสเปนหลายครั้ง ทำใหสเปนต้องทำการตอบโค้อังกฤษ ในการนี้กองเรืออาร์มาดาได้ยกพลไปบุกอังกฤษถึงสองครังแต่ก็พ่ายแพ่ทั้งสองครั้ง

ลำดับเหตุการณ์

                    เมื่อสิ้นสุดรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ ผู้ซึ่งได้ทำการฟื้นฟูอิทธิพลของนิกายโรมันคาทอลิกในอังกฤษและนอกจากนี้พระนางยังเป็นพระมเหสีในพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน ทำให้พระนางเอลิซาเบทได้ขึ้นครองราชสมบัติต่อจากพระนางแมรี แต่พระนางเอลิซาเบททรงเป็นโปรเตสแตนต์ ด้วยเหตุผลนี้ทำให้พระเจ้าฟิลิปเปที่ 2 ทรงไม่พอพระทัยที่อังกฤษจะกลายไปเป็นพวกโปรเตสแตนต์ พระเจ้าฟิลิปเปที่ 2 จึงทรงตัดสินพระทัยให้สร้างกองเรืออาร์มาดาขึ้นเพื่อทำการบุกอังกฤษ
ในปี ค.ศ. 1587 สเปนได้ยกทัพยกกองเรื มาอยู่รวมกันที่กรุงลิสบอน โดยมีแผนจะลองเรือผ่านช่องแคบขึ้นไปสมทบกับทหารสเปนที่ประจำอยู่ในเนเธอร์แลนด์แล้วจึงบุกขึ้นฝั่งอังกฤษ ในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 นั้นทหารบกสเปนเป็นที่เกรงขามของนานาประเทศในยุโรปทำให้พระเจ้าฟิลิปที่ 2 ทรงคาดคะเนว่าจะชนะได้ไม่ยาก


                      การโต้กลับของอังกฤษในปีเดียวกันภายใต้การนำของ ฟรานซิส เดรก (Francis Drake) โดยการชิงบุกก่อนที่ทัพเรืออาร์มาดาจะเคลื่อนขบวน ซึ่งทัพเรือของอังกฤษยกกองทัพไปทำลายเสบียงและสัมภาระของทัพเรืออาร์มาดาเสียหายหลายพันตันและยึดแหลมวินเซนต์กับอ่าวลิสบอนไว้ชั่วคราว ก่อนกลับอังกฤษยังยึดเรือสเปนลำหนึ่งพร้อมด้วยทรัพย์สิน 114,000 ปอนด์ไปด้วย
                  ในปี ค.ศ. 1588 สเปนจัดทัพเรืออาร์มาดาขึ้นมาใหม่ได้สำเร็จ ประกอบด้วยเรือ 350 ลำจากสเปน 80 ลำจากเวนิสและเจนัวอิตาลี   ทหาร 12,000 คน จากการสนับสนุนของอิตาลี และสมเด็จพระสันตะปาปาในฐานะที่รบเพื่อโรมันคาทอลิก (สำนักวาติกัน) เพิ่มเติมอีก 6,000 คน จากการสนับสนุนของพ่อค้าสเปนอีก 12,000 คน และที่ขุนนางสเปนช่วยกันสมทบ รวมแล้วมีเรือรวมเรือรบและเรือเสบียง 450 ลำ กับทหารและลูกเรืออีก 30,000 คน โดยการนำท่านดยุคแห่งปาร์มา และ สิโดเนียดยุคแห่งเมดินา เป็นผู้บังคับบัญชากองเรือในขณะนั้น เอกสารประวัติศาสตร์บางชิ้นระบุว่าทัพเรือสเปนมีเรือรบขนานใหญ่ประสิทธิภาพสูง บรรทุกลูกเรือ 20,000 คน แล่นออกจากสเปนแล้วขึ้นไปรับทหารอีก 17,000 คน ของดยุคแห่งปาร์มาที่เนเธอร์แลนด์ โดยมีสิโดเนียดยุคแห่งเมดินาเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองเรืออาร์มาดาทั้งหมด


                 วันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1588 กองเรืออาร์มาดาแล่นออกจากท่าลิสบอน ซึ่งในวันที่ 31 กรกฎาคม ทัพเรือทั้งสองปะทะกันเป็นครั้งแรก โดยกองทัพเรืออังกฤษไล่ตีสเปนไปไปตามช่องแคบและสามารถยึดเรือสเปนได้สองลำ ชัยชนะครั้งแรกเป็นของอังกฤษ ต่อมาในวันที่ 7 สิงหาคม ทัพเรืออังกฤษ และ กองเรืออาร์มาดาได้ต่อสู้กัน แต่เรืออังกฤษทำการบรรทุกเชื้อเพลิงไว้แล้วเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานจากนั้นจุดเพลิงเผาให้วอดแล้วพุ่งชนกองเรือของสเปน ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นและกองเรือของสเปนเกิดความหวาดกลัว ทำให้กองเรือของสเปนต่างถ่อยร้นทำให้กองเรือสเปนแตกพ่าย และนั้นคือจุดจบของกองเรืออาร์มาดาของสเปน


INPUT
1. ผู้สอน ครู อาจารย์
2. ผู้เรียนหรือนักเรียน
3. สถานศึกษา โรงเรียน และมหาวิทยาลัย
4. การตั้งวัตถุประสงค์การสอน
5. แผนการสอน
6. สื่อการสอน 
7. หนังสื่อเรียนหรือตำราเรียน
8. กิจกรรมระหว่างเรียนและแบบฝึกหัด


ROCESS
1. แจกแผนการสอนและเอกสารการสอนให้กับผู้เรียนทุกคน
2. อธิบายรายวิชาและบอกวัตถุประสงค์ให้กับผู้เรียนได้เข้าใจ
3. ทำข้อตกลงระหว่างเรียนกับผู้เรียน
4. วัดผลประเมินผลผู้เรียนก่อนเรียนในรายวิชาประวัติศาสตร์อเมริกา ตอน สงครามอาร์มาดา
5. การสอน การบรรยายในชั้นเรียน
6. ให้ผู้เรียนได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมนอกเนื้อจากเอกสารที่นำมาเเจกให้นักเรียนเเละการเรียนการสอนในชั้นเรียน
7. ทำกิจกรรมระหว่างเรียนและมอบหมายงานให้กับผู้เรียน
8. การสอบผลการเรียนของผู้เรียน
9. การปรเะมินผลการเรียนของผู้เรียน

OUTPUT


1. ให้ผู้เรียนได้ทราบถึงความเป็นมาและประวัติศาสตร์อเมริกา ตอนสงครามอาร์มาดา
2. ผู้เรียนได้เรียนรู้เรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ ของสงครามอาร์มาดา
3. สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้
4. ผู้เรียนสามารถสอบวัดผลประเมินผลได้


ที่มา : 
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B2 

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Assignment 2

การผลิตน้ำตาลทรายจัดว่าเป็น system หรือไม่  ถ้าเป็นจงบอกองค์ประกอบของระบบการผลิตน้ำตาลทราย ตามระบบ  I   P  O มาอย่างละเอียด อย่างน้อย 5 องค์ประกอบย่อย

ตอบ การผลิตน้ำตาลทรายจัดว่า เป็น system ระบบหนึ่ง

องค์ประกอบของระบบการผลิตน้ำตาลทรายตามระบบ คือ

Input  มี 5 ข้อคือ  
 กระบวนการผลิตน้ำตาลทรายดิบ
1. กระบวนการสกัดน้ำอ้อย  (Juice Extraction)  ทำการสกัดน้ำอ้อยโดยผ่านอ้อยเข้าไปในชุดลูกหีบ (4-5 ชุด) และกากอ้อยที่ผ่านการสกัดน้ำอ้อยจากลูกหีบชุดสุดท้าย จะถูกนำไปเป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้ภายในเตาหม้อไอน้ำ เพื่อผลิตไอน้ำมาใช้ในกระบวนการผลิต และน้ำตาลทราย
2. การทำความสะอาด หรือทำใสน้ำอ้อย  (Juice Purification)   น้ำอ้อยที่สกัดได้ทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการทำใส เนื่องจากน้ำอ้อยมีสิ่งสกปรกต่าง ๆ จึงต้องแยกเอาส่วนเหล่านี้ออกโดยผ่านวิธีทางกล เช่น ผ่านเครื่องกรองต่าง ๆ และวิธีทางเคมี เช่น โดยให้ความร้อน และผสมปูนขาว
3. การต้ม  (Evaporation)   น้ำอ้อยที่ผ่านการทำใสแล้วจะถูกนำเข้าสู่ชุดหม้อต้ม (Multiple Evaporator) เพื่อระเหยเอาน้ำออก(ประมาณ 70 %) โดยน้ำอ้อยข้นที่ออกมาจากหม้อต้มลูกสุดท้าย เรียกว่า น้ำเชื่อม (Syrup)
4. การเคี่ยว  (Crystallization)  น้ำเชื่อมที่ได้จากการต้มจะถูกนำเข้าหม้อเคี่ยวระบบสุญญากาศ (Vacuum Pan) เพื่อระเหยน้ำออกจนน้ำออกจนน้ำเชื่อมถึงจุดอิ่มตัว ที่จุดนี้ผลึกน้ำตาลจะเกิดขึ้นมา โดยที่ผลึกน้ำตาล และกากน้ำตาลที่ได้จากการเคี่ยวนี้รวมเรียกว่า แมสิควิท (Messecuite)
5. การปั่นแยกผลึกน้ำตาล (Centrifugaling)   แมสิควิทที่ได้จากการเคี่ยวจะถูกนำไปปั่นแยกผลึกน้ำตาลออกจาก กากน้ำตาล โดยใช้เครื่องปั่น (Centrifugals) ผลึกน้ำตาลที่ได้นี้จะเป็นน้ำตาลดิบ

Processing  มี 5 ข้อคือ  กระบวนการผลิตน้ำตาลทรายขาว และน้ำตาลรีไฟน์ น้ำตาลทรายดิบถูกนำไปละลายน้ำ แล้วถูกผ่านเข้า 5 ขั้นตอนการผลิต ดังนี้

 

1. การปั่นละลาย  (Affinated Centrifugaling)   นำน้ำตาลดิบมาผสมกับน้ำร้อน หรือน้ำเหลืองจากการปั่นละลาย   (Green Molasses) น้ำตาลดิบที่ผสมนี้เรียกว่า แมกม่า (Magma) และแมกม่านี้จะถูกนำไปปั่นละลายเพื่อล้างคราบน้ำเหลือง หรือกากน้ำตาลออก
2. การทำความสะอาด และฟอกสี  (Clarification)    น้ำเชื่อมที่ได้จากหม้อปั่นละลายb (Affinated Syrup) nจะถูกนำไปละลายอีกครั้งเพื่อละลายผลึกน้ำตาลบางส่วนที่ยังละลายไม่หมดจากการปั่น และผ่านตะแกรงกรองเข้าผสมกับปูนขาว เข้าฟอกสีโดยผ่านเข้าไปในหม้อฟอก (ปัจจุบันนิยมใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นตัวฟอก) จากนั้นจะผ่านเข้าสู่การกรองโดยหม้อกรองแบบใช้แรงดัน (Pressure Filter) เพื่อแยกตะกอนออก และน้ำเชื่อมที่ได้จะผ่านไปฟอกเป็นครั้งสุดท้ายโดยกระบวนการแลกเปลี่ยนประจุ      (Ion Exchange Resin) จะได้นำเชื่อมรีไฟน์   (Fine Liquor)
3. การเคี่ยว (Crystallization)   น้ำเชื่อมรีไฟน์ที่ได้จะถูกนำเข้าหม้อเคี่ยวระบบสูญญากาศ (Vacuum Pan) เพื่อระเหยน้ำออกจนน้ำเชื่อมถึงจุดอิ่มตัว
4. การปั่นแยกผลึกน้ำตาล (Centrifugaling)    แมสิควิทที่ได้จากการเคี่ยวจะถูกนำไปปั่นแยกผลึกน้ำตาลออกจากกากน้ำตาล โดยใช้เครื่องปั่น (Centrifugals) ผลึกน้ำตาลที่ได้นี้จะเป็น น้ำตาลรีไฟน์ และน้ำตาลทรายขาว

5. การอบ (Drying)   ผลึกน้ำตาลรีไฟน์ และน้ำตาลทรายขาวที่ได้จากการปั่นก็จะเข้าหม้ออบ (Dryer) เพื่อไล่ความชื้นออก แล้วบรรจุกระสอบเพื่อจำหน่าย 
Output  3 ข้อ คือ
1. ได้น้ำตาลที่อัดเม็ดเรียบร้อยแล้ว
2.ได้น้ำตาลที่บรรจุเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปพร้อมจำหน่าย
3. ได้น้ำตาลทรายสำหรับจำหน่ายตามร้านค้าต่างๆ



ศ.ดร.วิวัฒน์  ตัณฑะพานิชกุล.เทคโนโลยีอบแห้งในอุตสาหกรรมอาหาร.สิงหาคม  2548.

เฉลย

วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556


Assignment 1

1. Smart Phone  คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง บอกมา 5 ประการ


                Smart Phone คือโทรศัพท์ที่มีความสามารถมากกว่าการโทรออกและรับสาย ด้วยความที่ Smart Phone มีระบบปฏิบัติการอยู่ภายใน ทำให้มันสามารถทำงานได้ในลักษณะเดียวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อเราซื้อ Smart Phone สิ่งที่เราจะได้มาพร้อมกับเครื่องก็คือ ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ ๆ เช่น Android, iOS, Windows mobile เวอร์ชั่นต่าง ๆ นอกจากนี้จะมีโปรแกรมต่าง ๆ ที่ติดตั้งมาพร้อมกับเครื่องโทรศัพท์จำนวนหนึ่ง โปรแกรมเหล่านี้มักถูกเรียกว่า "แอ็พ" โดยมีทั้งแบบที่สามารถ Download มาใช้งานได้ฟรี และแบบที่ต้องเสียสตางค์ซื้อ โดยสิ่งสำคัญที่ต้องมีคู่กับ Smart Phone ก็คือ Internet ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการหลายค่าย และมี Internet ความเร็วต่าง ๆ ให้ได้เลือกใช้งาน เช่น Wifi, EDGE/GPRS, 3G เป็นต้น หากคุณกำลังมองหาโทรศัพท์ตัวใหม่ แนะนำให้เลือกซื้อโทรศัพท์ที่เป็น Smart Phone แล้วคุณจะรู้ว่า การใช้ชีวิตประจำวันของคุณ ง่ายขึ้นมาก            

                                                          
ประโยชน์ของ  smartphone

1. ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอพที่ต้องการใช้งานไดอย่างหลากหลาย
2. ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อเครื่องข่ายไร้สายได้ทุกที่
3. ผู้ใช้สามารถรับส่งอีเมลได้อย่างสะดวกสบาย
4. ผู้ใช้สามารถสร้างงานเอกสารได้
5. ผู้ใช้สามารถสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ทได้อย่างง่ายดาย
ที่มา : http://www.ninetechno.com/a/google-play-android/627-smart-phone                                                                                                                                                              


2. Android คืออะไร จะพบสิ่งนี้ที่ไหน


         แอนดรอยด์ ( android) เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ เน็ตบุ๊ก ทำงานบนลินุกซ์ เคอร์เนล เริ่มพัฒนาโดยบริษัทแอนดรอยด์ (Android Inc) จากนั้นบริษัทแอนดรอยด์ถูกซื้อโดยกูเกิล และนำแอนดรอยด์ไปพัฒนาต่อ ภายหลังถูกพัฒนาในนามของ Open Handset Alliance ทางกูเกิลได้เปิดให้นักพัฒนาสามารถแก้ไขโค้ดต่างๆ ด้วยภาษาจาวา และควบคุมอุปกรณ์ผ่านทางชุด Java libraries ที่กูเกิลพัฒนาขึ้น แอนดรอยด์ ได้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 โดยทางกูเกิลได้ประกาศก่อตั้ง Open Handset Alliance กลุ่มบริษัทฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์ และการสื่อสาร 48 แห่ง ที่ร่วมมือกันเพื่อพัฒนา มาตรฐานเปิด สำหรับอุปกรณ์มือถือ ลิขสิทธิ์ของโค้ดแอนดรอยด์นี้จะใช้ในลักษณะของซอฟต์แวร์เสรีโทรศัพท์เครื่องแรกที่สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้คือเอชทีซี ดรีม ออกจำหน่ายเมื่อ 22 ตุลาคม 2551                                                                                                                                                                                                                                                 
 ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/



3. Cyber bully หมายถึงอะไร อธิบายมา 1 ย่อหน้า ไม่ต่ำกว่า 10 บรรทัด

        ดร.โจเอล ฮาเบอร์ ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาเรื่องการข่มเหงรังแกทางอินเตอร์เน็ตกล่าวว่างานวิจัยเช่นของที่อิบาร์รานำเสนอออกมาไม่ได้สะท้อนอันตรายที่เด็กวัยรุ่นต้องเจอเวลาอยู่กับอินเตอร์เน็ต
        
        ฮาเบอร์บอกว่า การรังแกกันในโลกจริงคือการที่คนๆ หนึ่งใช้อำนาจข่มเหงต่อเหยื่อซ้ำๆ ส่วนในโลกออนไลน์นั้น อำนาจที่ว่าขึ้นอยู่กับว่าเด็กวัยรุ่นคนนั้นเป็นที่นิยมมากแค่ไหนในโลกดิจิตอลยกตัวอย่างเช่นในเฟสบุ๊ค การที่คนๆ หนึ่งมีเพื่อนมากหมายความว่าพวกเขามีสถานะที่ดีกว่า
     
        คนจำนวนมาก รวมถึงเหยื่อที่โดนรังแกเองคิดว่าการข่มเหงรังแกทางอินเตอร์เน็ตต้องเกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้งถึงจะเรียกว่าเป็นการข่มเหงรังแก แต่ในบางกรณีแล้วเมื่อมันเกิดขึ้นแค่เพียงครั้งเดียวก็มีผลต่ออีโก้และความการเห็นคุณค่าในตัวเองของคนๆหนึ่งได้และการเกิดกรณีดังกล่าวก็เกิดขึ้นหลายครั้งมากกว่าที่คิดอาจเป็นไปได้ว่าวัยรุ่นหรือพ่อแม่ไม่เห็นว่ามันเป็นภัยที่รุนแรงพอจะต้องแจ้งให้ทราบ ในการวิจัยชิ้นล่าสุดแม้จะมีการบอกว่ากรณีรายงานการข่มเหงทางอินเตอร์เน็ตหลายกรณีเป็นการรายงานเกินจริงแต่ก็พบว่ามีวัยรุ่นเกือบครึ่งหนึ่งรายงานว่าตนเป็นเหยื่อของการข่มเหงรังแกทางอินเตอร์เน็ตอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
ที่มา : http://prachatai.com/journal/2012/10/43347